จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ตลกสังคม เรื่องที่ 10

เรื่อง ภาษาวิบัติ
(เขียนเมื่อปี พ.ศ. 2525)

ผมว่าจะเขียนถึงเรื่องนี้นานมาแล้ว แต่ก็ยังอดใจเอาไว้ คอยดูว่าอะไร ๆ จะดีขึ้นบ้างหรือเปล่า มันก็ยังเปล่าอยู่นั่น เลยต้องเขียน

ผมไม่ใช่นักภาษาศาสตร์ และความเชี่ยวชาญทางด้านภาษานั้นยิ่งแล้วใหญ่ ที่ผมเขียนหนังสืออยู่ทุกวันนี้ก็สะกดการันต์ผิดบ่อย ๆ ช่างเรียงหรือคนอ่านปรู๊ฟที่เขาเรียกว่า รีไรท์เตอร์ ก็ไม่รู้ ที่คอยแก้คำสะกดการันต์ของผมอยู่เสมอ ๆ ผมแอบขอบใจอยู่เงียบ ๆ มานานแล้ว และทั้ง ๆ ที่จดจำเอาไว้อย่างนี้ก็ยังหลายหน ไม่วายที่จะเขียนผิดอีก ถ้าสมัยเป็นนักเรียนก็คงจะถูกครูให้เขียนคำที่สะกดผิดไม่รู้ว่ากี่ร้อยหนแล้ว

แต่เรื่องภาษาพูดนี่ ผมพิถีพิถันมาก ตัวกล้ำด้วย ร. ล. ผมไม่ยอมให้ผิด ฉะนั้น คำว่า ปัปปุงเปี่ยนแปง จะไม่มีหลุดออกจากปากผม ผมเคยดูในจอโทรทัศน์และได้พบได้ยินบ่อย ๆ ที่ดารานักแสดงที่มีชื่อเสียงบางคน พูดภาษาวิบัติให้ได้ยิน ดาราหนังคนหนึ่งไปถ่ายโฆษณาให้ทางราชการเสียด้วย เรื่องประหยัดไฟนี่แหละครับ เรียกร้องให้คนช่วยกันดับไฟฟ้า เพราะว่าเวลานี้พลังงานนี้กำลัง ขาดแคน ให้ช่วยกันดับไฟก่อนที่จะไม่มีไฟให้ดับ

ผมเป็นห่วงเด็ก ๆ ที่นั่งดูอยู่หน้าจอโทรทัศน์มันจะจำเอาไปพูด อนาคตภาษาจะวิบัติไปตามๆ กัน

ยิ่งรายการโฆษณาผงซักฟอกอะไรนั่น ชนิดที่เป็น ปาลามาจารย์จริง ๆ นะคะ นั่นแหละ อยากจะออกชื่อผงซักฟอกนั่นเหมือนกัน แต่จะกลายเป็นการช่วยเขาโฆษณาไปด้วย คุณผู้หญิงที่คุยอยู่กับท่านผู้ชมทางจอนั้น แกว่า ผงซักฟอกที่ว่านี่น่ะ ปับปุงใหม่ กิ่นสะอาด

ไอ้ฟังนะฟังรู้อยู่หรอกว่ามันเป็นอะไร เด็ก ๆ ที่นั่งล้อมจอโทรทัศน์อยู่นั่นซิครับ มันจะจำไป ปับปุง และก็ ดมกื่น กันต่อ ๆ กันไป สังเกตบ้างไหมครับว่า เดี๋ยวนี้คุณจะได้ยินคนพูดภาษาวิบัติในที่ทั่ว ๆ ไป ตามตลาดหรือท้องถนนน่ะช่างเถอะ เพราะพูดแล้วก็แล้วไป แต่ในจอโทรทัศน์นี่ มันไม่น่าจะให้มีออกมาให้คนฟัง เห็นเขาว่ามีคณะกรรมการควบคุมวิทยุและโทรทัศน์อยู่ ที่เรียกว่า กบร. นะ ท่านเคยได้สังเกตบ้างหรือเปล่าก็ไม่ทราบ หรือเรื่องภาษานี้เขาไม่ควบคุมกัน มันจะวิบัติอย่างไร ช่างมัน หรือยังไง..?

เรื่องการพูดของคนนี่ บางคนหัดยังไงก็ไม่หาย มันจะออกมาเป็น ปับปุงเปี่ยนแปง ถ้าไม่พยายามแก้ พูดทีไรมันก็ออกยังงั้นทุกที จนเจ้าตัวติดเป็นนิสัย แก้ไม่หาย

เรื่องแก้ไม่หายนี่ เรื่องพูดติดอ่างอีกเรื่องหนึ่ง ผมเคยได้ยินคนเป็นอ่างสองคนคุยกัน เหนื่อยแทน เพราะกว่าเขาจะรู้เรื่องกัน ก็อ้าปากค้างเสียหลายตอน เรื่องที่ควรจะรู้กันในหนึ่งนาที ก็ต้องคุยกันถึงห้านาที หรือบางทีก็นานกว่านั้น แล้วคนติดอ่างนี่ เขาว่าอย่าไปล้อเข้า จะเป็นเอง ติดไปด้วย ผมมีเพื่อนคนหนึ่งชอบล้อเพื่อนที่ติดอ่างอย่างว่า เดี๋ยวนี้หมอนั่นกลับพูดติดอ่างหนักกว่าคนที่มันล้อไปอีก

มีนิทานเรื่องหนึ่งเล่าว่า บุรุษสองคนยืนอยู่ด้วยกัน ณ ที่แห่งหนึ่ง มีชายคนหนึ่งเดินมาหา แล้วถามทางไปหัวลำโพง

" ปะ ปะ ไป หัว หัวละ ลำ ลำ โพง ปะ ไปทะ ทาง หะ ไหน ครับ "

คนที่ถูกถามยืนนิ่งเฉยไม่ยอมตอบ จนคนถามเดินเลยไป เพื่อนคนที่ยืนอยู่ด้วยจึงถามเพื่อนว่า

" มึงไม่รู้หรือวะว่าไปหัวลำโพงไปทางไหน ไอ้กูก็ไม่รู้เสียด้วย จะบอกเขาแทนมึงก็ไม่ได้ "

" กะ กะ กู มะ ไม่ กะ ก้า พะ พูด โว้ย " เพื่อนที่ถูกถามตอบยังงี้

ก็ไม่รู้ว่าถ้าแกตอบออกมา อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง

นี่จะอนุโลมเป็นภาษาวิบัติได้หรือเปล่า ผมก็ไม่ทราบ วานผู้รู้ช่วยบอกที

***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น