จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ตลกสังคม เรื่องที่ 2

เรื่อง ยิงกล้อง


คำว่า ' ยิงกล้อง ' นี้เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในหมู่นักสร้างและคนถ่ายภาพยนตร์ว่าหมายความว่ากระไร มันจะมาหลังจากคำว่า " แอ็คชั่น " คือให้ตัวแสดงเริ่มออกแสดงบทบาทได้แล้ว จึงจะมีคำสั่ง " ยิงกล้อง "
ตากล้องก็จะเริ่มเดินกล้อง

ผมคุ้นกับเรื่องภาพยนตร์นี้มานาน ตั้งแต่สมัยยังรับราชการอยู่ ผมแสดงหนังมาแล้วสามเรื่อง ทั้งสามเรื่องเป็นพระเอก เป็นหนังของทางราชการ และผมก็เป็นข้าราชการอยู่ในกรมตำรวจ (ชื่อสมัยนั้น) เรื่องค่าตัวไม่ต้องพูดถึงกันเพราะมันเป็นการรับราชการอย่างหนึ่ง เมื่อผู้บังคับบัญชาสั่งให้เล่นหนังก็ต้องเล่น ให้เล่นเป็นตัวอะไรก็ต้องเป็น เรื่องเล่นแล้วจะได้สตางค์เท่าไร ไม่ต้องพูดถึงกัน แสดงจบแล้วก็แล้วไป เพราะตัวผู้กำกับการแสดงก็ดี ผู้อำนวยการสร้างก็ดี หรือแม้แต่ตากล้องก็ดี ไม่มีใครพูดถึงเรื่องสตางค์ที่ผมจะได้รับ แถมบางวันตอนหยุดพักการถ่ายทำ ผมยังต้องเลี้ยงเหล้าเลี้ยงข้าวคนในกองถ่ายเสียอีก

เรียกว่าเป็นรายการกุศล ตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้บำเพ็ญกุศลคือผม

สมัยนั้นจะทำเป็นเล่นตัวไม่ยอมแสดงก่อนที่จะรู้ว่าได้ค่าตัวเท่าไรก็ไม่ได้ เพราะผู้สั่งการให้ผมแสดงชื่อ พลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ เป็นอธิบดีกรมตำรวจสมัยนั้น ถ้าจะพูดเรื่องสตางค์ก็ต้องพูดกับท่านผู้นี้ แล้วตัวผมนั้นพูดเรื่องเงินเรื่องทองกับท่านผู้นี้ได้เสียเมื่อไหร่ ผมก็จำใจเล่นเป็นการกุศลให้ หวังน้ำบ่อหน้า

กรมตำรวจสร้างภาพยนตร์ทั้งหมดกี่เรื่องผมไม่ทราบ แต่ผมเป็นพระเอกเสียสามเรื่อง คือเรื่อง "ศาสนารักนางโจร " " เหยื่ออาชญากรรม " และ " นักสืบพราน "

เรื่องหลังนี้เป็นเรื่องที่ผมเขียนขึ้นเองหลายตอน หยิบเอาตอนหนึ่งมาสร้างหนัง ชื่อเรื่องตอน " จำเลยไม่พูด " ค่าเรื่องผมก็ไม่ได้ ค่าตัวก็ไม่ได้ ค่าอะไรต่ออะไรก็ไม่ได้ เรียกว่าไม่มีรายได้อะไรทั้งหมดกับเรื่องนี้ แถมยังมีรายจ่ายอย่างที่ว่ามาข้างต้นเสียอีก

ยังไงก็ตามก็ยังเรียกได้ว่า ผมเคยเป็นดาราแสดงนำในภาพยนตร์ใหญ่ ๆ มาแล้วถึงสามเรื่อง ตอนนั้น มิตร ชัยบัญชา ยังไม่เกิดในวงการหนัง มีที่ดัง ๆ อยู่ก็ ส. อาสนจินดา ทัต เอกทัต สองคนนี่เคยประชันบทกับผมมาแล้ว เฉือนผมไม่ลง อย่าหาว่าคุย นางเอกแต่ละเรื่องไม่ซ้ำตัว รองนางสาวไทยก็มี ดาราศิลปากรก็มี ที่ดัง ๆ ในวงการภาพยนตร์ตอนนี้ก็มี แต่ดูเหมือนจะเล่นบทแม่กันไปหมดแล้วตอนนี้ จะมีบทย่าบทยายหรือเปล่าก็ไม่ได้ไต่ถาม

สมัยไหนก็ตาม ลงแสดงหนังด้วยกัน พระเอกกับนางเอกมักจะไม่ค่อยแคล้ว มักจะไปแสดงนอกจอเป็นพระเอกนางเอกกันและกันต่อนอกเรื่อง แต่ผมไม่ ผมเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ยุ่งกับนางเอกไปทุกคนหรอกครับ

คราวหนึ่ง กำลังถ่ายทำเรื่อง " เหยื่ออาชญากรรม " กันอยู่ ตากล้องเรื่องนี้ยืมเอามาจากกองทัพอากาศ เป็นตากล้องมือดีของกองภาพยนตร์กองทัพอากาศ ชื่อสุจินต์ นามสกุลอะไรผมจำไม่ได้เสียแล้ว เรื่องนี้ความจริงผมไม่น่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับเขาด้วย เพราะเป็นเรื่องของทางกองวิทยาการกรมตำรวจเป็นเจ้าของเรื่อง ผู้กำกับเยื้อน ซึ่งเป็นหัวหน้ากองวิทยาการอยู่นี่ซิที่ขอให้ผมแสดงเป็นตัวพระเอก ผู้กำกับเยื้อนนั้นเป็นนายเก่าผม ท่านขอแรงมาก็ต้องยอม ขัดคำสั่งไม่ได้ ไม่รู้ใครไปยุท่าน หรือไม่ยังงั้นทั้งกรมตำรวจก็คงจะมีผมหล่ออยู่คนเดียว บทนี้จึงต้องมาตกอยู่กับผมแทบทุกที

คืนวันนั้นเป็นคืนที่จะถ่ายตอนผู้ร้ายกับตำรวจยิงต่อสู้กัน ตำรวจก็ใช้ตำรวจจริง ๆ สี่ห้านาย แต่งเครื่องแบบมีปืนเล็กยาวประจำตัว ทุกคนใช้กระสุนปลอม แกะหัวจริงออก ใช้กระดาษจุกหัวเอาไว้ เรียกว่ ลูกหัวกระดาษ ส่วนตัวผู้ร้ายนั้นคือ พ่อประชา พูนวิวัฒน์
ตามบทผู้ร้ายต้องวิ่งไปพลางหันมายิงสู้กับตำรวจไปพลาง ส่วนตำรวจนั้นหมอบอยู่ในคันคูเป็นแถวหน้ากระดาน แล้วจะยิงต่อเมื่อผู้กำกับการแสดงสั่ง สมมุติว่ายิงไปยังผู้ร้ายที่กำลังหนีพลางสู้พลาง

พ่อประชาน่ะเขาคล่องอยู่แล้ว แสดงบทเป็นผู้ร้ายมาแล้วหลายเรื่องเหมือนกัน เมื่อถ่ายทางด้านผู้ร้ายเสร็จแล้วก็มาถึงแถวตำรวจที่นอนหมอบประทับปืนอยู่ในคู บรรจุกระสุนปลอมในลำกล้องเรียบร้อยแล้วทุกคน

ครูเนรมิต ผู้กำกับการแสดงก็ตรวจดูแถวตำรวจเรียบร้อยแล้วสั่งกล้องจับภาพ และแนะนำตำรวจว่า
" เวลาผมบอก แอ๊คชั่น ก็ให้เริ่มยิงได้เลย เข้าใจนะครับ "
ตำรวจพยักหน้าทุกคน เข้าใจ

" แอ็คชั่น " ครูเนรมิตออกคำสั่ง

ตำรวจทั้งแถวก็ลั่นไก ชักลูกเลื่อนสลดปลอกกระสุนออกแล้วยิงนัดใหม่ ไม่ยากเย็นอะไร

ครูเนรมิตก็หันไปสั่งกล้อง " ยิงกล้อง "

พ่อสุจินต์กำลังขยับเดินกล้อง ตำรวจทั้งแถวก็หันปากกระบอกปืนพร้อมกันทุกคนมาทางกล้อง แล้วก็ลั่นไกกันเปรี้ยงปร้าง พ่อสุจินต์ทิ้งกล้องเผ่นออกแทบไม่ทัน ร้องลั่นเสียงหลง

" หยุด หยุด " ครูเนรมิตร้องออกมาลั่นเหมือนกัน เสียงปืนจึงได้หยุด

พ่อสุจินต์นั่นน่ะเผ่นไปห่างกล้องหลายวาแล้ว ออกไปคลำข้างแก้มป้อย ๆ อยู่ คงโดนเข้ามั่งแถว ๆ นั้น

" ที่ผมสั่งยิงกล้องน่ะ ผมให้คนถ่ายเขาเดินกล้อง " ครูเนรมิตอธิบายกับตำรวจ " พวกคุณก็ยิงไปตรงหน้าอย่างเก่าซิ "

" อ้าว ! ก็ไม่รู้ " ผู้หมู่ที่คุมตำรวจมา พูดอ่อย ๆ " บอกยิงกล้อง ผมก็ยิงไปที่กล้อง นึกว่าให้ยิงไปที่นั่น "

นี่แหละ... จะเอาอะไรกับตำรวจนักหนา ไม่บอกกันเสียทีแรกให้เข้าใจ

ดีแต่ว่าเป็นกระสุนหลอก ไม่งั้นก็... เละ !

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น