จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ทำไมจึงต้องมี Blog นี้

เหตุผลแรก คือต้องการเผยแพร่ผลงานของคุณพ่อ ไม่อยากให้สูญหายไป

คุณพ่อของดิฉันท่านเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว หลังคุณแม่เสียชีวิตในปี 2535 ปีที่กรุงเทพ ฯ วุ่นวายด้วยเหตุการณ์การเมืองที่เรารู้จักกันว่าเป็น "พฤษภาทมิฬ' คุณพ่อก็ตามคุณแม่ไปหลังจากนั้นประมาณอีก 2 ปี

คุณแม่จากพวกเราไปอย่างสงบ ท่านไม่ได้เสียชีวิตจากเหตูการณ์การเมืองที่ว่านั้น แต่ท่านนอนป่วยมานานแล้ว เพียงแต่ช่วงเพตูการณ์ร้ายแรงนั้น พวกเราลูก ๆ ไปวัด ฟังสวด ทำพิธีให้คุณแม่ที่วัดเทพศิรินทร์ ฯ ท่ามกลางอันตราย คือต้องผ่ากระสุนไปที่วัดเพื่อทำพิธีให้ครบ 7 คืน มีลูก 2 คน และญาติอีก 1-2 คนเท่านั้นที่กล้าไปร่วมในพิธีสวดพระอภิธรรม

คุณพ่อจึงไม่ให้เก็บคุณแม่ไว้ 100 วัน เนื่องจากเหตุการณ์ไม่แน่นอน เราจึงจัดการเผาคุณแม่หลังจาก 7 วัน โชคดีที่เหตุการณ์สงบลงก่อน ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงที่ให้ผู้เผชิญหน้า 2 คนไปพบที่ในสวนจิตรลดา งานเผาศพของคุณแม่จึงมีผู้คนที่ยังรู้จัก และชอบพอกับท่าน มาร่วมงานถึงเกือบ ๆ 400 คน

ส่วนคุณพ่อ ท่านคงจะเหงา และเฉา เพราะไม่มีคนที่ท่านคอยแหย่เล่นทุก ๆ วันอีก แม้ว่าช่วงก่อนเสียชีวิต คุณแม่จะได้แน่นอนเฉย ๆ เพราะท่านไม่คุยกับใครอีก สมองท่านคงจะฝ่อไปแล้ว แต่คุณพ่อก็ยังชอบพูดแหย่คุณแม่เล่นอยู่เสมอ

คุณพ่อมีเพื่อนมาก แต่ท่านเบื่อที่จะออกไปเจอรถติด แม้จะมีคนมาบริการให้ทุกวัน หลัง ๆ ท่านก็เลยอยู่บ้าน อ่านหนังสือพิมพ์ ดู ที วี อย่างเดียว และรอให้ลูก ๆ ญาติ ๆ ไปพบพูดคุยที่บ้าน บางครั้งก็มีรายการ ทีวี หรือสื่อ ไปสัมภาษณ์บ้าง เพราะท่านเป็นผู้ที่ยังพอจะมีคนรู้จักอยู่บ้าง

ท่านเคยรุ่งโรจน์ในอดีต เคยเป็นนักเรียนที่เรียนเก่งมาก สอบได้ที่ 1 เป็นประจำ และท่านเป็นคนที่รูปร่างหน้าตาดีมาก อยู่ในขั้นที่เรียกว่า 'หล่อมาก' คนหนึ่ง เป็นที่ใฝ่ฝันของสาว ๆ ในสังคมช่วงนั้นทีเดียว ยิ่งเมื่อท่านมีตำแหน่งสูงขึ้นในราชการ เคยแสดงภาพยนตร์เป็นพระเอกมาเองแล้ว (โดยเคยได้ค่าตัว เพราะเป็นคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา) เพราะผู้กำกับหานักแสดงที่เข้ากับนวนิยายที่ท่านประพันธ์เองไม่ได้

คุณพ่อเป็นผู้วางระบบงานด้านการสอบสวนสืบสวนของกรมตำรวจ (ชื่อในขณะนั้น) ตามแบบฉบับของ Scotland Yard ที่ท่านได้ไปดูงานมา หน่วยราชการลับ และข่าวกรองของตำรวจในยุคของท่าน ถือได้ว่าเป็นหน่วยงานที่ 'รู้ทุกเรื่อง' ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่ในที่สุด เมื่อเกิดการปฎิวัติรัฐประหารขึ้นในเดือนกันยายน 2500 เมื่อเพื่อน ๆ ของเจ้านายเกิดผลประโยชน์ไม่ต้องกัน และเพื่อไม่ให้คนไทยต้องฆ่ากัน คณะของท่านก็เข้าไปมอบตัว และถูกเชิญให้ไปลี้ภัยที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์พร้อมกัน โดยใช้ชีวิตที่นครเจนีวาประมาณ 10 ปี ต่อมาคุณพ่อได้พำนักที่นครเวียงจันทร์ต่ออีก 3 ปี รวม 13 ปีที่คุณพ่อได้ไปใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศ ก่อนที่จะกลับเข้าประเทศไทยในปี พ.ศ. 2512

ท่านเป็นหนึ่งใน ' อัศวินแหวนเพชร ' ของกรมตำรวจในยุคนั้น

ดิฉันจะค่อย ๆ นำเรื่องที่คุณพ่อท่านเขียนไว้มาให้ผู้สนใจติดตามอ่านกัน
อยู่ที่ว่ามีผู้สนใจมากน้อยเพียงใดนะคะ

1 ความคิดเห็น:

  1. คิดถึงคุณตา คุณยาย.....
    กระดูกคุณตา คุณยายยังอยู่ที่บ้านบนหิ้งพระ
    ทุกวันสงกรานต์ก็จะพาไปอาบน้ำ
    (ก็คือให้พระสวดพรมน้ำมนต์ น้ำอบให้ยังไงล่ะครับ)

    แล้วคุณยายก็ไปไหนมาไหนด้วยทุกวัน
    เพราะรูปคุณยายติดอยู่ในกระเป๋าสตางค์ตลอดเวลา
    พาไปทำงานด้วย ไปเที่ยวด้วย ทุกที่ที่ไปฮับ....

    จาก - หลานชายหัวแก้วหัวแหวนของของคุณยาย ใครๆก็รู้ หุ หุ

    ตอบลบ